“โอมิครอน” เป็นปัจจัยลบต่อแผนการเปิดประเทศและมาตรการผ่อนคลายของทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคท่องเที่ยวหวั่นวิตก ยิ่งไทยพึ่งพิงในส่วนนี้มากถึง 20% จีดีพี ทั้งนี้กลับไม่ได้เลวร้ายเหมือนเกิดขึ้นปี 2563 แต่กลับทำให้การฟื้นตัวยื้ดออกไปอีก

ปัจจุบันการระบาดจะขยายวงกว้างเป็น 90 ประเทศ และในไทย ณ 20 ธ.ค. 2564 ผู้ติดเชื้อโอมิครอน 88 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 1 ราย สิ่งที่แตกต่างและลดความหวาดผวาได้ระดับหนึ่งคือการฉีดวัคซีนที่ทะลุเป้าหมาย 100 ล้านโดสได้สำเร็จ (20 ธ.ค.64)

สวนทางกับสถานการณ์การระบาดระลอกแรกในไทย มี.ค 2563 ขาดข้อมูล-วัคซีนและบริหารที่ดีพอ หรือระลอก 3 (มิ.ย.64) สายพันธุ์เดลต้า เจอการบริหารนโยบายขาดความเป็นเอกภาพขาดการสื่อสารที่ดี –ขาดวัคซีน –ขาดสถานพยาบาล

ดังนั้นปัจจุบันจึงเห็นการดำเนินนโยบายที่ยังไม่มีส่งสัญญาณสุดโต่ง เช่น ล็อกดาวน์ –เคอร์ฟิว และปิดให้บริการสถานประกอบการ เหมือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกันในต่างประเทศที่เผชิญการระบาดหนักกว่าไทยดำเนินนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดที่ไม่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน

อาทิ เนเธอร์แลนด์เป็นสัญญาณแรกของการคุมเข้มในยุโรป ล็อกดาวน์ทัวประเทศถึง 19 ธ.ค.2564-14 ม.ค. 2565 ออสเตรเลียไม่ประกาศล็อกดาวน์ อังกฤษ เพิ่มมาตรการป้องกันมากขึ้นและเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส

ข่าวบวกที่ทำให้คาดว่าการระบาดระลอกนี้จะไม่รุนแรงเท่า ผลการศึกษา ทีมวิจัยของ Imperial College London บ่งชี้ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนสองเข็มสามารถป้องกันการติดเชื้อ โอมิครอน ได้เพียง 20% แต่ผู้ที่ได้รับเข็มกระตุ้นสามารถป้องกันได้ 55% ถึง 80% เข็มกระตุ้นช่วยป้องกันได้ และคาดว่าจะมีวัคซีนป้องกัน โอมิครอน ออกมาภายในไตรมาส 1 ปี 2565

ขณะที่ไทยจำกัดการเดินทางเข้าประเทศจากต่างชาติมากขึ้นด้วยการยกเลิกตรวจเชื้อแบบไม่กันตัวเป็นกักตัว 7-14 วันแทน คุมเข้มอีเวนต์ช่วงปีใหม่ที่จะมีการจัดขึ้น ล่าสุดปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติชั่วคราวเพิ่มเติม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2564 ไม่เห็น 10 ล้านคน และปี 2565 จะกระทบแนวโน้มภาคการท่องเที่ยว

เมื่อไล่ดูหุ้นแนวทางหวยฮานอยวันนี้ในกลุ่มดังกล่าว ธุรกิจสนามบินบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT ) พึ่งมีการเปิดตัวเลขกอัตราใช้สนามบินเดือนพ.ย.ออกมากลับมาฟื้นตัว ช่วงระหว่าง 1 พ.ย. -31 ธ.ค. AOT มียอดจองตารางการบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 10% รวม 1,518 เที่ยวบิน โดยมี Slot ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งสิ้น 17,132 เที่ยวบิน เพิ่มจากยอดจอง Slot เดิมอยู่ที่ 15,614 เที่ยวบิน สะท้อนความต้องการเดินทางในฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสิ้นปี

โดยมีสถิติเที่ยวบินในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนนี้ ระหว่างวันที่ 1-8 ธันวาคม 2564 มีปริมาณเที่ยวบินทั้งหมด 2,159 เที่ยวบิน คิดเป็น 270 เที่ยวบิน/วัน เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในเดือนพฤศจิกายนซึ่งอยู่ที่ราว 251 เที่ยวบิน/วัน ราคาหุ้นหลุด 60 บาทมาปิดที่ 59.25 บาทลดลง 0.42 %

ด้านหุ้นโรงแรม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ราคาหุ้นตอบรับประเด็นล็อกดาวน์มากที่สุด เพราะมีโรงแรมในและต่างประเทศมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรปที่การระบาดรุนแรงขึ้น ส่งผลทำให้ราคาหุ้นหลุด 30 บาท มาปิดที่ 28 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่บมจ.ดิเอราวัณ กรุ๊ป (ERW) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า (CENTEL) มีโรงแรมในประเทศมากกว่า ซึ่งได้รับผลกระทบไปด้วยจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ปัจจัยบวกคือนักท่องเที่ยวในประเทศหลังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน” ทำให้ราคาหุ้น ERW มาปิด 2.88 บาท ลดลง 2.04% และราคาหุ้น CENTEL มาปิด 32 บาท เพิ่มขึ้น 0.79%

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุความกังวลเกี่ยวกับ โอมิครอนจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยว ของไทยและยุโรปสะดุด แต่คาดว่ามาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพจากการให้ วัคซีนเข็มกระตุ้นจะทำให้แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ใน ระยะกลางภายในปี 2567

สอดคล้องกับคาดการณ์ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว บล.กรุงศรี ต่อประเด็นดังกล่าวมีการปรับราคาเป้าหมายของหุ้นลงมาไม่ต่ำกว่า 15-20 % ในกรณีเจอผลกระทบรุนแรง หุ้น AOT ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 66 บาท และกรณีกระทบหนักอยู่ที่ 53 บาท ลดลง 20 %

ด้าน MINT ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 32 บาท และกรณีกระทบหนักอยู่ที่ 26 บาท ลดลง 19 % หุ้น ERW ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 3.3 บาท และกรณีกระทบหนักอยู่ที่ 2.40 บาท ลดลง 27% และ CENTEL ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 36 บาท และกรณีกระทบหนักอยู่ที่ 33 บาท ลดลง 8 %