EA เผย เตรียมนำแผนผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล-รถกระบะ กลับมาพิจารณาผลิต หลังครม.เคาะแพ็กเกจส่งเสริม คาดชัดเจนภายในปีนี้ เชื่อหากผลิตจริงแข่งขันได้ ด้านราคาหุ้นเกี่ยวข้องอีวีพาเหรดขึ้น ด้านบล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ชี้ ขึ้นระยะสั้น
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) วานนี้ (15 ก.พ.2565) ปรับขึ้นหนุนดัชนี หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแพ็กเกจสนับสนุนธุรกิจอีวี นำโดย บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) เพิ่มขึ้น 8.01% หรือ 31 บาท ปิดตลาดที่ 418 บาท บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) เพิ่มขึ้น 6.67% หรือ 1.20 บาท ปิดตลาดที่ 19.20 บาท บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เพิ่มขึ้น 4.37% หรือ 4 บาท ปิดตลาดที่ 95.50 บาท และ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) 2.03% หรือ 1.50 บาท ปิดตลาดที่ 75.50 บาท
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า จากครม. อนุมัติแพ็กเกจสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวี เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อธุรกิจ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกำลังปักหมุดสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมดังกล่าวในระยะยาวอย่างแท้จริง
โดยเชื่อว่าแพ็กเกจกระตุ้นการใช้รถยนต์อีวีเป็นเพียงก้าวแรกเพื่อดูกระแสตอบรับของประชาชนเท่านั้น และเชื่อว่าในระยะถัดไปรัฐบาลจะออกแพ็กเกจสนับสนุนอื่นๆ ตามมา ทั้งแพ็กเกจสนับสนุนโรงประกอบรถยนต์ไฟฟ้า แพ็กเกจสนับสนุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และแพ็กเกจสนับสนุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่
“เราคาดว่ามาตรการของภาครัฐจะกระตุ้นให้ตลาดรถอีวีในประเทศมีความคึกคักมากขึ้น และระยะยาวเชื่อว่าแพ็กเกจกระตุ้นจะส่งผลบวกต่อคนที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในอนาคต”
เมื่อสอบถามถึงความสนใจในตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลและรถกระบะไฟฟ้า นายอมร กล่าวว่า สำหรับปี 2565 เชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนของกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีจุดแข็งอยู่ที่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในภาคธุรกิจ อาทิ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และรถบรรทุกหัวลากไฟฟ้า ฯลฯ
ทั้งนี้ การรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและรถกระบะไฟฟ้าเป็นหนึ่งในแผนงานของบริษัท ซึ่งในอดีตหยุดชะงักไปเนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการรื้อฟื้นแผนรถอีวีส่วนบุคคลในครั้งนี้ บริษัทจะนำจุดแข็งจากที่ EA เป็นที่รู้จักและยอมรับในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับภาคธุรกิจ รวมถึงจุดแข็งการชาร์จเร็ว (Fast Charge) มาใช้ในการแข่งขันเพื่อจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะเซกเมนต์
“ปัจจุบันตลาดรถยนต์และรถกระบะไฟฟ้ามีผู้เล่นรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเข้ามาแข่งขัน แตกต่างจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับภาคธุรกิจปัจจุบันที่มีรถยนต์ประเภทเดียวกันจากจีนเข้ามาแข่งขัน แต่ไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีชื่อเสียง ดังนั้น กลยุทธ์ในการแข่งขันของทั้ง2 ตลาดจึงมีความแตกต่างกัน โดยตลาดรถยนต์ส่วนบุคคล เราคาดหวังว่าจุดแข็งของเราจะสามารถจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะได้ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ใหญ่ที่สุด”
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย ) กล่าวว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอีวีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ มองว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับข่าว หลังจากที่ครม.อนุมัติแพ็กเกจสนับสนุน โดยมองว่าเป็นการปรับตัวขึ้นระยะสั้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวยังไม่เป็นปัจจัยที่ทำให้ประชาชนหันมาใช้รถอีวีแทนรถยนต์ใช้น้ำมัน
หุ้น EV
อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สนับสนุนให้อุตสาหกรรมรถอีวีในประเทศไทยมีการเติบโต โดยจะช่วยยอดขายรถอีวีดีขึ้น จากปัจจุบันที่มียอดขายไม่ถึง 1% ของจำนวนรถในประเทศ และจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจอีวี จากที่ภาครัฐพยายามส่งเสริม ซึ่งส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปที่ในปี 2573 ประเทศไทยจะมีปริมาณรถอีวี คิดเป็น 10% ของปริมาณรถยนต์ทั้งประเทศ
“ราคาหุ้นเกี่ยวกับอีวี ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น มองว่าเป็นการปรับขึ้นระยะสั้น รับข่าวครม.เคาะมาตรการสนับสนุนรถอีวี ซึ่งจะทำให้ธุรกิจอีวีเติบโตได้ในประเทศไทย และ ส่งผลต่อยอดขายรถอีวีให้ดีขึ้น ซึ่งจะต้องติดตามว่าดีมานด์รถอีวีจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าแพ็กเกจที่ออกมา ยังไม่ได้ทำให้ประชาชนหันไปใช้รถอีวี แทนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันทันที”
โดยมองว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ ได้แก่ EA และ NEX เพราะมีโรงประกอบรถยนต์ และโรงงานแบตเตอรี่ของ EA ที่แล้วเสร็จ ส่วน บมจ.ปตท. (PTT) การร่วมทุนผลิตรถอีวีกับ ฟ็อกซ์ ต้องใช้เวลา เพราะจะเริ่มผลิตปี 2566
ทั้งนี้จากที่ราคาหุ้น EA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรง ซึ่งสูงกว่าราคาเฉลี่ยที่บลูมเบิร์ก คอนเซนซัส ให้เป้าหมายที่ 85 บาทต่อ นักลงทุนจะต้องระมัดระวังการลงทุน จากแรงขายเซลออนแฟคท์ หากนักลงทุนจะลงทุนจากกระแสอีวี มองว่า หุ้น GPSC ยังสามารถลงทุนได้ จากราคาเป้าหมาย บลูมเบิร์ก คอนเซนซัส อยู่ที่ 89 บาท ซึ่งยังมีอัพไซด์ จากราคาปิดวานนี้ อยู่ที่ 75.50 บาท
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business